ในปัจจุบัน หุ่นยนต์ทำความสะอาดมีให้เลือกหลากหลายรุ่น หลากหลายยี่ห้อมากมาย ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะมีจุดเด่นและคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป โดยการเลือกซื้อหุ่นยนต์ทำความสะอาดนั้น ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้

1. ขนาดของบ้าน

หุ่นยนต์ทำความสะอาดแต่ละรุ่นจะมีขนาดและรัศมีการทำงานที่แตกต่างกันไป โดยขนาดของหุ่นยนต์ทำความสะอาดจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำความสะอาดพื้นที่ต่างๆในบ้าน เช่น หุ่นยนต์ทำความสะอาดที่มีขนาดเล็กอาจทำความสะอาดมุมห้องหรือพื้นที่แคบๆได้ดี ส่วนหุ่นยนต์ทำความสะอาดที่มีขนาดใหญ่อาจทำความสะอาดพื้นที่กว้างๆได้เร็วขึ้น

โดยหากบ้านมีขนาดไม่ใหญ่มาก อาจเลือกซื้อหุ่นยนต์ทำความสะอาดที่มีขนาดและรัศมีการทำงานปานกลาง แต่หากบ้านมีขนาดใหญ่ ควรเลือกซื้อหุ่นยนต์ทำความสะอาดที่มีขนาดและรัศมีการทำงานขนาดกว้าง เพื่อให้สามารถทำความสะอาดบ้านได้อย่างทั่วถึง

2. รูปแบบของบ้าน

บ้านที่มีเฟอร์นิเจอร์หรือสิ่งกีดขวางต่างๆมาก ควรเลือกซื้อหุ่นยนต์ทำความสะอาดที่มีระบบนำทางที่มีประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้หุ่นยนต์ทำความสะอาดติดขัดหรือชนสิ่งกีดขวาง โดยระบบนำทางของหุ่นยนต์ทำความสะอาดในปัจจุบันมี 2 ประเภทหลักๆ คือ

  • ระบบนำทางแบบแรนดอม (Random Navigation)

ระบบนำทางแบบแรนดอม จะทำให้หุ่นยนต์ทำความสะอาดเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆแบบสุ่ม จนกว่าจะทำความสะอาดพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งเหมาะสำหรับบ้านที่มีเฟอร์นิเจอร์หรือสิ่งกีดขวางไม่มาก

  • ระบบนำทางแบบเลเซอร์ (Laser Navigation)

ระบบนำทางแบบเลเซอร์ เป็นหุ่นยนต์ทำความสะอาดที่ใช้เทคโนโลยีเลเซอร์เพื่อสแกนพื้นที่รอบๆ เพื่อสร้างแผนที่ และเพื่อให้หุ่นยนต์ทำความสะอาดสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง ซึ่งเหมาะสำหรับบ้านที่มีเฟอร์นิเจอร์หรือสิ่งกีดขวางมาก

3. ชนิดของพื้นผิว

หุ่นยนต์ทำความสะอาดแต่ละรุ่นจะมีแปรงปัดและแผ่นกรองฝุ่นที่แตกต่างกันไป ซึ่งแปรงปัดที่ออกแบบมาสำหรับพื้นไม้อาจไม่เหมาะกับพื้นพรม หรือแผ่นกรองฝุ่นที่ออกแบบมาสำหรับพื้นพรมอาจไม่เหมาะกับพื้นไม้ นอกจากนี้ หุ่นยนต์ทำความสะอาดบางรุ่นอาจมีฟังก์ชันการทำความสะอาดพื้นผิวเฉพาะ เช่น ฟังก์ชันการดูดฝุ่นพรมโดยเฉพาะ หรือฟังก์ชันการถูพื้นไม้โดยเฉพาะ ดังนั้น ควรเลือกซื้อหุ่นยนต์ทำความสะอาดที่เหมาะกับชนิดของพื้นผิวในบ้าน

4. ปริมาณฝุ่นและเศษขยะในบ้าน

บ้านที่มีสัตว์เลี้ยงหรือคนในครอบครัวจำนวนมาก อาจมีปริมาณฝุ่นและเศษขยะมาก จึงควรเลือกซื้อหุ่นยนต์ทำความสะอาดที่มีพลังดูดฝุ่นแรง เพื่อทำความสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. งบประมาณ

หุ่นยนต์ทำความสะอาดมีราคาตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่นบาท ซึ่งสามารถเลือกซื้อให้เหมาะสมกับงบประมาณ

โดยนอกจากปัจจัยหลักๆที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆเพิ่มเติมด้วย เช่น ฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ระยะเวลาการรับประกัน และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ เป็นต้น